นิยายเรื่องนี้ไม่มีตอนจบ

 

ตอน 3

         

          ความทรงจำวัยเยาว์น่าจะนับเป็นของวิเศษสิ่งเดียวที่มนุษย์ควรจะได้รับ ไม่ว่าจะดีงามหรือเจ็บปวดแค่ไหนมันก็จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เราต่างนึกถึง และระลึกเสมอว่าในวันนั้นมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นและขณะเดียวกัน ความทรงจำก็ถูกโบยตีด้วยความผิดพลาดมากมาย...เช่นกัน

 

          แม็ควางสายโทรศัพท์ รู้สึกอย่างกับมีใครเอาสมองมายัดลงเครื่องปั่น มันหมุนวนและปวดร้าว เจ็บปวดแบบที่เรียกว่า สุดทรมาน

          

          น้ำตาลเพิ่งตัดพ้อในเรื่องที่ยากจะให้คำตอบ แม็คตุปัดตุเป๋ไปตามถนนข้างออฟฟิสหยุดแวะที่ร้านเหล้าหน้าซอย เริ่มต้นดื่มอย่างกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้ ที่จริงเขาก็ดื่มอย่างนี้มาตลอดเวลา และยิ่งดื่มก็ยิ่งถูกกระแหนะกระแหนจากน้ำตาล จากนั้นเขาก็กลับมาดื่มอีก ดื่มเพื่อให้ลืมก่อนจะกลับมาพบกับเรื่องเดิมๆ จากต้นเหตุเดิมๆ

 

          เมื่อวานเหมือนวันนี้ ว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความคาดหวัง จะมีอะไรหนักกว่านั้น...ความคาดหวัง ลองหลับตาแล้วนึกดูว่าชีวิตจะเป็นแบบไหน เราจะตายแบบไหน ถ้าทั้งหมดของเวลาที่ผ่านไป เพียงแค่จะทำให้ใครสักคนพอใจ ทั้งที่ใจไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลย

 

          พี่โด่งเจ้าของร้านเดินเข้ามาทักทาย ก็เหมือนเมื่อวาน ชายร่างท้วมกับผู้หญิงแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย รู้สึกประหลาดกับคนที่สนุกกับเซ็กซ์ได้ตลอดเวลา และตัวเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆทำไปเพื่ออะไร แค่เอาชนะอารมณ์กับความเปลี่ยวดาย เท่านั้นกระมัง

 

          "เอามั้ยพี่จัดให้" พี่โด่งเคยพูดกับแม็คแบบนั้น

 

          แม็คไม่ตอบ เขาไม่เคยตอบนอกจากยิ้มแล้วหัวเราะ -- มันจะสนุกตรงไหนถ้าต้องนอนกับใครสักคนทั้งที่ตัวเองไม่คิดแม้กระทั่งพยายามจะรัก

 

          แม็คไม่ใช่คนมีศีลธรรมระดับบรรลุห่าเหวนรกหรือสวรรค์ชั้นไหนทั้งนั้น เขาก็แค่มนุษย์เพศผู้ที่ทำเรื่องระยำมาครึ่งชีวิต แต่ก็นั่นหรอกความระยำสอนให้เห็นอีกด้าน ด้านที่จะช่วยให้เราเรียนรู้ถึงความงามของชีวิต

 

          พี่โด่งหาเครื่องดื่มให้ผู้หญิงคนใหม่ ก่อนจะหย่อนก้นลงข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น สักพักเด็กสาวเปิดโนตบุ๊ค ลงมือพิมพ์งานอย่างขะมักเขม้น

 

          "น้องเค้าต้องทำรายงานส่งอาจารย์" พี่โด่งพูดยิ้มๆ สายตาภาคภูมิ ที่จริงแกไม่ได้ภาคภูมิเรื่องความตั้งใจเรียนของผู้หญิงคนนั้นหรอก สิ่งที่ส่งผ่านสายตากระลิ้มกระเหลี่ยคู่นั้น ก็แค่จะบอกว่า --- เที่ยวนี้นักศึกษานะ

 

           ก็แค่นั้น... 

 

          ใครๆก็ต้องทำรายงาน แม็คคิด

 

           "แม็คเมื่อไหร่เธอจะเขียนรายงานเสร็จ" พลอยบ่นท่าทางเด็กหญิงจริงจัง แม็คเกาหัวแกรกรู้สึกอายที่จะต้องตอบคำถาม

 

          "กำลังเขียน" เด็กชายตอบไม่เต็มน้ำเสียง

 

          "เราเขียนเสร็จแล้วนะ เรื่องหินบะซอลท์" ตัวเล็กพูด ท่าทางภูมิใจ

  

          ตัวเล็กเป็นเด็กที่เรียกได้ว่าไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ได้เลย เขาตัวเล็กเล็กกว่าที่เราจะนึกออก แต่สิ่งที่ทุกคนรู้สึกคือ ขนาดของตัวไม่ได้วัดเลยว่าใครสักคนจะมีความแกร่งและเก่งแค่ไหน

 

          แม็คล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเมื่อนึกถึงตัวเล็ก เขาค้นหาเบอร์โทรเพื่อนนึกอยากพูดกับใครสักคน กดหมายเลข ฟังเสียงรอสาย เหลือบมองนาฬิกาก่อนตัดสินใจตัดสายทิ้ง ดึกเกินไปที่จะกวนเพื่อน เขาคิด

 

          ความอึดอัดกับชีวิตปัจจุบันรบกวนเราได้ตลอดเวลา แม็คพยายามจะเลิกคิดเรื่องน้ำตาล ทว่ายิ่งพยายามมันกลับยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ เขาถูกบอกเลิกเป็นรอบที่สี่ในเดือนเดียวรอบที่สี่ก่อนจะกลับมาเหมือนเดิมแล้วถูกเลิกอีกครั้ง ใครบางคนสนุกกับเรื่องแบบนี้ หรือแค่ข้อต่อรองในสิ่งที่ให้ไม่ได้

 

          ตัวเล็กโทรกลับมา น้ำเสียงเหมือนเพิ่งดื่มเบียร์ขวดที่สี่ไป

 

         "ว่าไงเพื่อน เมื่อกี้ไม่ได้ยินเสียงโทษที" ตัวเล็กกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์

 

         "กินเหล้ากัน" แม็คพูด

 

         "ไม่ไหวว่ะเพื่อน นี่เพิ่งกินกับลูกน้องมาเอาไว้เที่ยวหน้านะ"

        

          "ได้ ไว้งวดหน้า"

 

           สองคนสนทนากันสั้นๆก่อนจะวางสาย แม็ควางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เหลือเขาลำพัง ไม่มีอะไรให้ทำอีก เขายกแก้วขึ้นดื่ม รู้สึกทึ่งหลังจากได้คุยกับตัวเล็ก ไม่น่าเชื่อจากเด็กที่แทบจะไม่มีอะไรกิน กลายเป็นผู้รับเหมาที่มีงานทำมากมาย มีลูกมีเมีย เสียเมียแล้วก็มีเมียอีกที แล้วก็มีลูก

 

          แล้วจะยังไงต่อ --- แม็คก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเอง รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรให้คิดถึงเลย ชีวิตก็แค่อยู่ให้ถึงพรุ่งนี้ รอว่าวันหนึ่ง อะไรต่ออะไรมันจะเปลี่ยนไป...

 

 

ตอน2

 

          แม็คแบกกระเป๋าเรียนหนักอึ้งลงจากรถโดยสารประจำทาง เดินผ่านประตูหลังโรงเรียน กวาดสายตาไปที่สนามบาสเก็ตบอล นักเรียนรุ่นพี่หลายคนกำลังง่วนอยู่กับลูกบอลพลาสติคลูกเล็ก เด็กชายไม่สนใจ เขาเดินผ่านอาคารไม้ชั้นเดียวไปช้าๆ มองทะลุตาข่ายเล็กไปที่โต๊ะปิงปอง นึกอยากชวนใครสักคนมาเล่นเป็นเพื่อน ทว่ากลับล้มเลิกความตั้งใจเสียก่อนจะเดินทะลุโรงอาหารไปขึ้นตึกไม้เก่าคร่ำสองชั้น

 

          ก่อนขึ้นอาคารทุกคนต้องถอดรองเท้า เขาปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัด มือหนึ่งหิ้วกระเป๋าอีกมือใช้นิ้วเกี่ยวส้นรองเท้า ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไม้ที่พื้นขัดมันจนลื่น ก้าวพ้นบันไดชั้นสอง แม็คเลี้ยวขวาเดินไปจนสุดทาง ห้องเรียนอยู่ขวามือ

 

          ประตูไม้บานสูงเปิดอ้าอยู่ ยังไม่มีใครมาถึงห้องเรียน เด็กชายผิดหวังเล็กน้อย เขาตรงไปที่โต๊ะเรียน เก็บกระเป๋าไว้บนเก้าอี้ ก่อนจะผลุงขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ แกว่งเท้าสบายอารมณ์ บางครั้งมองไปด้านหลังห้องเรียน เห็นลูกตะขบสีแดงเต็มกิ่ง ทันใดกระโดดลงวิ่งไปที่กิ่งใกล้มือพยายามจะเด็ดลูกตะขบที่ใกล้ที่สุด

 

          ไม่ทันจะเอื้อมมือไปจนสุดเสียงใครบางคนดังขึ้น ขาวเดินเข้ามากับอาทิตย์ สองคนส่งเสียงทักทายน้ำเสียงร่าเริง

 

          "มาเช้าจังแม็ค" ขาวว่า

 

          "แม่ออกมาส่งปากซอย" แม็คว่า

 

          "เตะบอลกันมั้ย" อาทิตย์ว่าบ้าง

 

          "เตะๆ" แม็คตอบอย่างไม่ลังเล

 

          ไม่นานจากนั้น พื้นที่ว่างแคบๆหลังห้องก็กลายเป็นสนามเด็กเล่นชั่วคราวขึ้นมา เด็กสามคนกับลูกบอลกระดาษขนาดไม่ใหญ่กว่าลูกเทนนิส กับเกมส์ที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าไล่เตะลูกกระดาษลูกนั้นให้กลิ้งไปมา

         

          เจ็ดโมงครึ่่ง เพื่อนคนอื่นๆเริ่มมาถึงห้องเรียน  กายเด็กชายตัวสูงเข้ามาร่วมวงเตะบอลกระดาษ เขาเที่ยวแหย่เพื่อนผู้หญิงทุกคนที่มาถึง บางทีแกล้งเตะบอลไปโดนแล้วยั่วให้ขาวกับอาทิตย์ไปเก็บ บางครั้งก็แกล้งดึงชายเสื้อขาวให้หลุดลุ่ย แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครโกรธใครจริงๆกันสักคนเดียว แม้จะโดนตวาดกลับมาบ้างเป็นครั้งคราวก็ตามที

 

          กระทั่งพลอยมาถึง เด็กชายที่หลังห้องซุบซิบบางอย่าง กายก้มลงหยิบบอลกระดาษขว้างใส่หัวขาว พอขาวโกรธ เขาก็จะทำท่าตัวแข็งอย่างไม่กลัวแล้วหัวเราะ จนสุดท้ายเขาหันไปที่อาทิตย์ แล้วยั่ว

 

          "นั่นไงแฟนมาแล้ว" กายกระเซ้า

 

          อาทิตย์ชักสีหน้าไม่พอใจ เขาวิ่งเข้าไปคว้าลูกบอลมาจากมือยาวแล้วเตะไปที่ผนังห้องก่อนที่เด็กชายทั้งหมดจะกรูกันเข้าแย่งบอล แม็คพยายามจะเข้าไปแย่งลูกออกมา พอดีกับจังหวะที่ยาวแกล้งเตะบอลไปที่พลอย

 

          "แม็คไปเก็บบอลเลย" ยาวว่าเสียงดังกลั้วเสียงหัวเราะ อย่างกับตั้งใจอยากให้ใครต่อใครได้ยิน

 

          แม็คไม่ขยับตัว เขามองหน้ายาวเขม็ง หน้าแดงจนร้อนผ่าว รู้สึกอึดอัดจนบอกไม่ถูก คิดอยากกระโดดเข้าไปทึ้งเพื่อนให้ล้มลงเสียเดียวนั้น แต่ไม่ทันที่จะรู้สึกว่าต้องตัดสินใจอย่างไร

 

          พลอยเด็กหญิงตัวเล็กบางที่ตัดผมสั้นจนเห็นติ่งหูคนนั้นก็มองมาที่พวกเขา สายตาของเธอดูใสราวกับหยดน้ำบนกระจก มันใสยิ่งกว่าใส อาจจะใสเพราะวัย หรือไม่ว่าอย่างไร แววตาใสคู่นั้นก็ได้ติดตรึงอยู่ในใจเด็กชายมานับจากนั้น และจะอีกนับนาน

 

          เหมือนมีมนต์ แม็คปรี่เข้าไปที่ลูกบอลกระดาษ พลอยก้มลงหยิบบอลลูกนั้นขึ้นมาวางบนโต๊ะ แม็คคว้ามันมาถือ เขาไม่กล้ากระทั่งจะสบตากับเด็กหญิง ความรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกรู้แค่ว่ามันแปลก และก็แปลกมากระทั่งในกาลต่อมา

 

           แม็คกลับมาที่กลุ่มเพื่อน เพื่อนเขาแกล้งกระเซ้าอย่างอารมณ์ดี กายทำหน้ากระลิ้มกะเลี่ย ดูเหมือนเขาจะฉลาดที่จะหาเรื่องแกล้งเพื่อนได้ตลอดเวลา และก็น่าแปลกอีกเหมือนกันที่เขาสามารถแกล้งคนได้ โดยที่คนโดนไม่เคยคิดโกรธเป็นจริงเป็นจัง และยังดูเหมือนจะเผลอชอบใจไปกับเขาเสียด้วยซ้ำ...

 

          ...แม็คเอนหลังพิงพนักเก้าอี้จนสุด เขาแหงนมองเพดาน คิดว่าเรื่องมันเริ่มจากตรงนั้นหรือเปล่า แม็คอดยิ้มไม่ได้ ความทรงจำมากมายผ่านเข้ามา มันชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

 

          ไม่ทันที่ความคิดจะเตลิดไปไกลกว่านั้น ความจริงในปัจจุบันก็กระชากความฝันเขากลับมา กวางผู้สื่อข่าวรุ่นน้องเดินเข้ามาพร้อมกับเทปข่าว เขาวางมันลงบนโต๊ะ พูดอะไรสองสามคำก่อนจะเดินจากไป

 

          แม็คหยิบเทปมาเปิด เสียบเทปเข้าเครื่องเล่น คิดอยากจะดูภาพในนั้น แต่ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาเปลี่ยนความตั้งใจ เขาปล่อยให้ทุกอย่างนิ่งสงบชั่วครู่ เขาเพ่งมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ คลิกดูรูปทีละรูป ช้าๆ และเริ่มละเมียดกับความทรงจำแสนงามในครั้งนั้น...อีกครั้ง

 

 

ตอน1

 

          เสียงสัญญาณกันขโมยจากรถของใครบางคนคำรามลั่นตึก จนแม็คหนุ่มใหญ่ที่ห่อตัวเองอยู่ในผ้าห่มผืนบางต้องสะดุ้งตื่น เสียงของมันน่ารำคาญระคนน่ากลัวในคราวเดียวกัน ไม่ต่างอะไรกับเสียงกรีดร้องของปิศาจที่จ้องจะคอยเขมือบเหยื่ออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

 

          เปลือกตาหนักอึ้งเหมือนมีใครเอาเอามือมากดทับเอาไว้ ลำคอแห้งผากแต่ก็ฝืนลืมตาอย่างทรมาน ในหัวหมุนวน กระทั้่งเสียงสัญญาณกันขโมยสงบลงนั่นแหละ อะไรต่ออะไรค่อยทุเลาลงบ้าง

 

          แม็คลุกขึ้นจากเตียงอย่างเสียไม่ได้ รู้สึกร้าวไปทั้งหัว เมื่อคืนคงหนักกว่าทุกวัน พยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น  มีใครบ้างนะชายหนุ่มคิด เขานึกออกแค่บางคนรู้สึกว่าอีกหลายคนหายไปจากความทรงจำ ความเหงา เหล้า ผู้หญิง สามอย่างที่มากเกินไปทำร้ายผู้ชายได้เสมอ

 

          สุดท้ายชายหนุ่มพาร่างสะบักสะบอมเดินเข้าห้องน้ำ หลับตาควานหาแปรงสีฟัน จัดการธุระส่วนตัวไม่นานก็พร้อมจะออกไปทำงาน วันนี้ก็เหมือนเมื่อวาน เขาเดินไปที่รถยนต์ที่ไม่ค่อยใช้ มองมันด้วยสายตาเฉื่อยชาอย่างกับว่าเป็นสิ่งน่ารำคาญในชีวิต หมาสีดำขนแข็งอย่างกับลวดปรี่เข้ามา แม็คสับเท้าเร่งไปที่ริมคลอง เขาไม่อยากให้เจ้าเพื่อนสีขากระโดดตะกุยเขา เช้านี้ควรจะดูดีมากกว่าไปทำงานพร้อมกับรอยตีนหมา

 

          แม็คเดินเลาะริมคลอง เร่งฝีเท้าแซงชายในชุดเรียบร้อยท่าทางอย่างนักบัญชี น่าแปลกที่คนเราอยู่กับเรื่องซ้ำซากได้นานขนาดนั้น ไม่หรอกเราต่างก็มีชีวิตของเราทั้งนั้น อย่างเขาเองก็ใช่จะพอใจกับงานที่ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเท่าไรนักหรอก มันเหมือนกับ เหมือนกับบางอย่างที่เข้ามา แล้วพอมันเริ่มจะดีแล้วเราเริ่มที่จะชินกับมัน เจ้าสิ่งนั้นก็ดันมาหายไปเสียนี่ --- นั่นแหละปัญหาของเขาล่ะ

 

          ใช้เวลาไม่นานแม็คก็ขึ้นมาจนถึงสำนักงาน เขาจ่อมก้นลงบนโต๊ะ เอื้อมมือไปเปิดคอมพิวเตอร์ กวาดสายตาไปรอบๆ บางอย่างหายไป เขาออกเดินไปที่ครัว แก้วกาแฟนอนอยู่ในถัง แม็คหยิบขึ้นมาล้าง กลิ่นเหล้ายังค้างก้นแก้ว เขาเริ่มนึกเรื่องเมื่อคืนออกบ้างแล้ว แม็คระบายยิ้ม...

 

          "ถอนมั้ยพี่" เสียงหนุ่มดังมาจากด้านหลัง

 

          "โอ..." แม็คครางพร้อมส่ายหัวช้าๆก่อนจะผละกลับไปทำงาน

 

          หน้าจอคอมพิวเตอร์ว่างเปล่า แม็คขยับเม้าส์ เปิดโปรแกรมตัดต่อขึ้นมา เขาจ้องมองหน้าจอตาไม่กระพริบ สมองว่างกลวง นึกไม่ออกว่าตัวเองจะทำอะไร สุดท้ายซ่อนหน้าทำงานของโปรแกรมตัดต่อลงก่อนจะเปิดเฟสบุคขึ้นมา กรอกรหัสผ่าน เครื่องหมายสีแดงที่หน้าติดต่อดึงความสนใจเขา

 

          แม็คคลิกเปิด ภาพของคนที่เขาคิดว่าเคยรู้จักปรากฏขึ้น ชายหนุ่มเปิดดูรูปภาพของคนๆนั้น ภาพหลายสิบภาพเลื่อนผ่านไปช้าๆ ความทรงจำนับร้อยวิ่งผ่านอย่างกับเมื่อวานเพิ่งเกิดขึ้น ...

 

          แม็คเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แหงนหน้ามองเพดาน ความรู้สึกแย่ๆกับอาการเมาค้างหายไปอย่างกับมันไม่เคยเกิดขึ้น เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในความทรงจำ ดูเหมือนเธอจะเข้ามาพร้อมของบางอย่างในมือ เด็กน้อยยื่นดอกไม้สีแดงดอกเล็กๆให้

 

          ในความคิดนั้นเขายื่นมือออกไปรับ พยายามจะสัมผัสมือน้อยๆนั่น ทว่าเด็กหญิงชักมือกลับ หล่อนยิ้ม ยิ้มแบบที่เหมือนกำลังจะแกล้งยั่วแล้วเด็กน้อยก็หัวเราะก่อนจะหันหลังวิ่งหายไป แม็คปิดเปลือกตาลงช้าๆพยายามจะทบทวนความจำ มันเป็นอย่างกับว่าในความทรงจำนั้นเขาได้กระโจนตามเงาร่างของเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆคนนั้น เข้าไปในความมืดเสียแล้ว

 

          "20กว่าปี เธอดูไม่เปลี่ยนเลยนะพลอย..." แม็คพึมพำกับตัวเอง...

Post by: wonder on August 26th, 2007 | File Under Uncategorized

wordpess logoAs Jerry Tarkanian understood it, the Sacramento King‘s owners and general manager disagreed on the choice of the team’s next head coach. The Maloofs wanted New Mexico State’s Reggie Theus, and Geoff Petrie preferred Lakers assistant Brian Shaw.“I think I got Reggie the job,” Tarkanian said Wednesday afternoon.Well, Joe Maloof wouldn’t go that far, but he long has listened to Tark’s counsel on issues of coaching. So Tarkanian pushed Maloof over the weekend and they prodded Petrie, and thus, there was Theus on a news conference dais saying of Shaw’s failed candidacy, “You couldn’t have picked a Laker.”Tark goes back a long waySo Tarkanian pushed Maloof over the weekend and they prodded Petrie, and thus, there was Theus on a news conference dais saying of Shaw’s failed candidacy, “You couldn’t have picked a Laker.”

Digg del.icio.us co.mments Furl Shadows SphereIt Fleck Internetmedia Technorati

A post with music example

 

 
 As Jerry Tarkanian understood it, the Sacramento King‘s owners and general manager disagreed on the choice of the team’s next head coach. The Maloofs wanted New Mexico State’s Reggie Theus, and Themes Pack preferred Lakers assistant Brian Shaw.

Digg del.icio.us co.mments Furl Shadows SphereIt Fleck Internetmedia Technorati

 

Advertising Zone    Close

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...